somkiat.jpgผศ.นพ.สมเกียรติ โสภณธรรมรักษ์

อาการเขียวโดยมีริมฝีปากม่วงคล้ำ  มีนิ้วปุ้มคล้ายไม่ตีกลอง  เป็นผลมาจากมีรูรั่วที่ผนังกั้นหัวใจตั้งแต่กำเนิดทำให้เลือดดำผสมปนกับเลือดแดง
ภาวะเขียวและมีเลือดไปปอดน้อย อาจทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้ได้
1.  อาการเขียวมาก และตัวอ่อนปวกเปียกไป (cyanotic spell)
2.  มีเลือดข้นมาก ทำให้หัวใจทำงานมากขึ้นและเลือดหนึดมากขึ้นโดยอาจเกิดก้อนลิ่มเลือดในหลอดเลือดได้ทั่วร่างกาย  โดยเฉพาะที่สมอง
3.  เกิดฝีในสมองได้ง่ายกว่าเด็กทั่วไป


ภาวะ cyanotic spell

สามารถป้องกันได้โดยท่านควรพาบุตรหลานมาตรวจอย่างสม่ำเสมอ ท่านควรดูแลบุตรหลานของท่านดังนี้

1.  ในช่วงที่มีไข้  ไม่สบาย ถ่ายเหลว ให้ระวังภาวะขาดน้ำควรให้ดื่มน้ำบ่อย ๆ ให้มีปัสสาวะใสพอสมควรและ  รีบพาไปพบแพทย์
2.  ถ้าหากมีอาการเขียวมากขึ้น   หายใจหอบลึกมากขึ้น  ซึมเพลีย  ตัวอ่อนปวกเปียกไป (มักเป็นหลังตื่นนอนตอนเช้า หลังเล่นหรือร้องมาก ๆ)  ให้ปฏิบัติดังนี้
       2.1  ปลอบเด็กให้หยุดร้อง ควรรีบทำให้เร็วที่สุดไม่ควรปล่อยให้เป็นอยู่นานเพราะจะดูแลลำบาก และอาจจะเป็นอันตรายรุนแรงได้
      2.2  ให้งอเข่าเด็กทั้ง 2 ข้าง เข้าชิดหน้าอก  อาจจะอุ้มขึ้นแนบอกกรณีเป็นเด็กเล็ก    ถ้าเป็นเด็กโตให้นอนตะแคงเข่าชิดหน้าอกให้มากที่สุด  ถ้าได้ผลผู้ป่วยจะหายใจดีขึ้นริมฝีปากเริ่มกลับมาเป็นเหมือนปกติก่อนเกิดอาการ   ถ้าหากทำวิธีดังกล่าวแล้วไม่ดีขึ้น  ให้รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลใกล้บ้านที่สุด เพื่อให้ออกซิเจนและยา  โดยอุ้มในท่าดังกล่าว
3.  รับประทานอาหารได้ทุกอย่าง    ไม่มีของแสลง เด็กสามารถเติบโตได้พอสมควร  ถ้าได้อาหารที่ ครบทุกหมู่  เนื้อ  นม  ไข่ โดยเน้นอาหารพวกไขมันให้ใช้น้ำมันพืชในการทอด ผัด แทนการต้มหรือลวก
4.  รับประทานยาที่แพทย์ให้ ไม่ควรซื้อยาใด ๆ มาให้กินเอง เพราะอาจจะเป็นอันตราย
5.  ฟันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเด็กโรคหัวใจชนิดเขียว ชั้นเคลือบจะไม่แข็งแรง    ควรต้องได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษ  ผู้ป่วยเหล่านี้มีโอกาสฟันผุง่ายกว่าเด็กทั่วไปมาก    ควรดูแลฟันตั้งแต่ผู้ป่วยอายุยังน้อย  ๆ โดยเริ่มจากการเช็ดเหงือกก่อนนอนเพื่อให้เด็กชินกับการทำความสะอาดฟัน   จากนั้นจึงให้แปรงฟันและนำ 
ผู้ป่วยไปตรวจฟันกับทันตแพทย์   อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง    ฟันที่ผุจะเป็นแหล่งที่มีเชื้อโรคสะสมอยู่มากและ อาจเป็นแหล่งกระจายเชื้อให้ผู้ป่วยเกิดฝีในสมองหรือติดเชื้อในหัวใจได้
6.  ให้ดูแลบุตรหลานของท่านโดยระวังอาการที่เป็นสัญญาณอันตรายดังต่อไปนี้
               1.  มีอาการเขียวมากขึ้น  เหนื่อยมากขึ้น และตัวอ่อนปวกเปียกบ่อยครั้งขึ้น
               2.  ไข้นานหลายวันติดต่อกัน ซึมลง ร้องปวดหัวอาเจียนไม่ทราบสาเหตุ
               3.  ขยับแขนขาได้ลดน้อยลง หรือมีชักเกร็งกระตุก
7.  ความผิดปกติที่หัวใจนั้นต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติมในเวลาต่อมา  แพทย์จะเป็นผู้บอกอีกครั้งว่าสามารถให้ความชวยเหลือบุตรหลานของท่านด้วยวิธีใด  ถ้าหากต้องผ่าตัดจะบอกเวลาที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง
8.  รับวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ  ได้เหมือนเด็กปกติทั่วไป
9.  บุตรคนต่อไปมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมากขึ้น คุณแม่ควรมาฝากครรภ์แต่ เนิ่นๆ และเด็กในครรภ์ควรได้รับการตรวจอัลตราซาวนด์